หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ขอเป็นเจ้าภาพชลบุรีเกมด้วยคน

       
           เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2553 โรงเรียนบ้านทุ่งกราดได้นำนักเรียนและคณะครูเข้าชมการแข่งขันมวยปล้ำ ในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 39  "ชลบุรีเกมส์" ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา โดยการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี และเทศบาลนครแหลมฉบัง คณะครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งกราด ประมาณ 200 คน ได้เข้าชมกีฬามวยปล้ำ ซึ่งเป็นกีฬาที่นักเรียนและครูไม่ค่อยได้คุ้นเคยในการแข่งขันและกติกา แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้ชมสักระยะหนึ่งก็ค่อยๆเข้าใจวิธีการและกติกาการแข่งขัน เพราะกีฬาชนิดใดก็ตามที่เป็นที่ยอมรับและบรรจุเข้าแข่งขัน ในระดับนานาชาติ ก็ถือว่าเป็นกีฬาที่สามารถและเรียนรู้ได้โดยไม่ยาก

           การไปชมการแข่งขันกีฬามวยปล้ำในครั้งนี้ ผมคิดว่านักเรียนและครูทุกคนได้พบความจริงอย่างหนึ่งว่า การที่เราได้มีโอกาสชมการแข่งขันกีฬาที่สนามจริงๆ บรรยากาศและความรู้สึกมันต่างกันลิบลับกับการที่นั่งชมและเชียร์ที่หน้าจอโทรทัศน์ เห็นได้จากเมื่องถึงเวลากลับ มีครูและนักเรียนบางกลุ่มยังอยากจะชมการแข่งขันต่อซึ่งก็ต้องมาดูรอบชิงชนะเลิศในตอนเย็น

          กิจกรรมในครั้งนี้ก็ต้องขอขอบพระคุณองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ที่สนับสนุนอาหารกลางวันและน้ำดื่ม และเทศบาลนครแหลมฉบังที่ให้การสนับสนุนรถรับส่งครูและนักเรียน และขอบพระคุณคณะครูจากโรงเรียนกีฬาที่กรุณาแนะแนวศึกษาต่อให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทำให้นักเรียนเห็นทางเลือกในการศึกษาต่อ

                                                                                                                                                                  

วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สิทธิเรื่องย้ายที่ครูอาจไม่รู้

          เกี่ยวกับเรื่องย้ายข้าราชการครูสายผู้สอน เพื่อนครูคงทราบดีว่า ในหนึ่งปี เราสามารถยื่นคำร้องขอย้ายได้สองครั้ง ดังนี้ คื
          ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 1-15  กุมภาพันธ์
          ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 1-15  สิงหาคม
         ส่วนหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการ ก็เป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. และหลักเณฑ์การย้ายครูและบุคลากรทางการศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชลบุรี เขต 3 พ.ศ.2552 กำหนดซึ่งคาดว่า เพื่อนข้าราชการครูคงหาข้อมูลได้ไม่ยาก แต่ที่ผมจะนำมาเปิดประเด็นในวันนี้ คือเพื่อนข้าราชการครูที่ยื่นคำร้องขอย้ายเมื่อวันที่ 1-15 สิงหาคม 2553 ท่านสามารถแก้ไขคำร้องในส่วนที่เป็นโรงเรียนที่จะย้ายไปได้โดยให้ทำเรื่องผ่านผู้บริหารสถานศึกษา (ตามหนังสือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชลบุรี เขต 3 ที่ ศธ 04036/5004 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2553)
          สาเหตุที่ให้ดำเนินการแบบนี้ก็เนื่องจาก ณ วันที่ยื่นคำร้องขอย้าย ครูผุ้สอนไม่รู้ว่าจะมีโรงเรียนใดมีตำแหน่งว่างบ้าง ทั้งนี้เนื่องจาก ช่วงที่ต้องยื่นคำร้องขอย้าย ยังไม่มีตำแหน่งว่าง หลังจากยื่นคำร้องขอย้ายแล้ว จึงจะมีตำแหน่งว่าง (หลังจากเกษียณ/เออรี่) สพฐ.จึงจะจัดอัตรากำลังมาให้เขต อ.ก.ค.ศ.ชลบุรีเขต 3 จึงมีมติให้เขตแจ้งโรงเรียนที่มีอัตราว่าง และเพื่อความเป้นธรรมในเรื่องข้อมูลข่าวสาร จึงให้ผู้ที่เขียนย้ายขอแก้คำร้องขอย้ายได้หลังจากทราบว่า โรงเรียนใดมีอัตราว่างบ้าง
          ผมนำมาเล่า เพราะเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนครู ในการยื่นคำร้องขอย้าย จะได้ไม่ต้องเหมือนกับการซื้อหวยอีกต่อไปว่าจะเดาถูกหรือผิด

                                 

การจัดลำดับอาวุโสในราชการ

          เรามักจะได้ยินคำว่าอาวุโสทางราชการการเข้ามามีบทบาทให้การดำเนินการเรื่องเกี่ยวกับบุคคลกันบ่อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเลื่อนตำแหน่ง เรื่องของการย้าย หรืออื่นๆ ที่มีความจำเป็นที่จะต้องเปรียบเทียบกันระหว่างบุคคล หลายๆหน่วยงานได้เอาหลักอาวุโสมากำหนดเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ทั้งนี้จัดลำดับอาวุโสทางราชการเป็นข้อพิจารณาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และเป็นหลักที่ถือปฎิบัติกันมาจนเป็นที่ยอมรับ วันนี้ถ้าจะถามกันว่า แล้วที่จะเรียกว่าการพิจารณาอะไรก็ตามที่ต้องใช้หลักอาวุโสเราจะพิจารณากันอย่างไร ดูจากอะไร เอาคน 10 คนมาให้ความเห็นเรื่องนี้ ก็คงมีความหลากหลายแตกต่างกัน งั้นถ้าจะต้องสรุปเพื่อนำไปใช้เราจะยุติกันได้อย่างไร
          การจัดลำดับอาวุโสในราชการนั้น สำนักงาน ก.พ. เคยทำหนังสือเพื่อชี้แจงสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2529 ที่ นร0605/1184 ดังนี้ "สำหรับข้าราชการพลเรือนสามัญนั้นมิได้มีระเบียบแบบแผนในการจัดลำดับอาวุโสชัดเจน แต่สำนักงาน ก.พ. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าน่าจะจัดลำดับอาวุโสในราชการของข้าราชการดังกล่าวได้ตามลำดับ ดังนี้
          1. ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดดำรงตำแหน่งในระดับที่สูงกว่า ถือว่าผู้นั้นอาวุโสกว่า
          2. ถ้าเป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งในระดับเดียวกัน ผู้ใดได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในระดับนั้นก่อน ถือว่าผู้นั้นอาวุโสกว่า
          3. ถ้าเป็นผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับเดียวกันพร้อมกัน ผู้ใดได้รับเงินเดือนมากกว่าถือว่าผู้นั้นอาวุโสกว่า
          4. ถ้าเป็นผู้ได้รับเงินเดือนเท่ากัน ผู้ใดมีอายุราชการมากกว่าถือว่าผู้นั้นอาวุโสกว่า
          5. ถ้าเป็นผู้มีอายุราชการเท่ากัน ผู้ใดได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในชั้นสูงกว่าถือว่าผู้นั้นอาวุโสกว่า
          6. ถ้าเป็นผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในชั้นเดียวกัน ผู้ใดได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นนั้นก่อนให้ถือว่าผู้นั้นอาวุโสกว่า
          7. ถ้าเป็นผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในชั้นเดียวกันพร้อมกัน ผู้ใดมีอายุแก่กว่าให้ถือว่าผู้นั้นอาวุโสกว่า"
          ผมว่า สพป.ชบ.3 ของเรามีหลักเกณฑ์หลายเรื่องที่ใช้หลักอาวุโส แต่เราเคยลองพิจารณาหลักเกณฑ์ที่กำหนดอย่างถ่องแท้ โดยไม่ใช้อคติใดๆเข้ามาข้องเกี่ยว แล้วลองหาคำตอบให้กับตัวเองซีครับว่า หลักที่กำลังใช้อยู่ในทุกวันนี้ ที่มีผลกระทบกับพวกเราไม่ว่าจะเป็นครู ผู้บริหาร หรือบุคลากรอื่น เป็นหลักที่ถูกหลักหรือไม่ ถ้ายังไม่ถูกเราควรทำอย่างไร

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

จดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2

                                                                      13  ธันวาคม 2553

เรียน  ผู้บริหาร สพป.ชบ.3 ที่นับถือทุกท่าน

            จดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ เป็นฉบับที่ 2 หลังจากฉบับที่ 1 ออกไปเมื่อวันที่  2 พฤศจิกายน 2553 ก็ถือเป็นช่วงระหว่างพวกเราหยุดเรียน เพื่อให้ความร่วมมือกับจังหวัดชลบุรี ในโอกาสที่เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 39 ชลบุรีเกมส์ แต่เท่าที่ทราบหลายๆ โรงเรียนก็ต้องนำนักเรียนไปเป็นกองเชียร์ชมการแข่งขันกีฬา

            เพื่อผู้บริหารครับ วันนี้ มีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณาอัตราข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้รับจัดสรรคืนจากการเข้าร่วมมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) ปีงบประมาณ 2553 ผมเป็นกรรมการคนหนึ่ง ในการพิจารณาในครั้งนี้ เห็นว่าเป็นเรื่องที่พวกเราควรรู้ เลยนำมาเล่าสู่กันฟัง เรื่องของเรื่องเป็น ดังนี้ครับ

            สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แจ้งว่า ตามที่ได้พิจารณาจัดสรรอัตราข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่เข้าร่วมมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ คืนให้เท่ากับจำนวนที่เข้าร่วมมาตรการแล้ว ปรากฏว่า มีบางเขตพื้นที่การศึกษา ที่หลังจากจัดสรรอัตราว่างข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาแล้ว จนมีครูครบตามเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ.กำหนดทุกโรงเรียนแล้ว  ตำแหน่งว่างที่เหลือ ก็ส่งคืนให้ สพฐ. เพื่อเกลี่ยให้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่มีความขาดครู การนี้ สพป.ชบ.3 ได้รับการจัดสรร 8 อัตรา สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ก็หมายความว่า สพป.ชบ.3 ได้รับการจัดสรรอัตรากำลัง เนื่องจากข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วมมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) ปีงบประมาณ 2553  2 ครั้ง

            เงื่อนไขในการจัดสรร สพฐ.กำหนดให้จัดสรรกับสถานศึกษาที่มีจำนวนนักเรียนตั้งแต่ 1,000 คน ขึ้นไป และ มีความขาดครูตั้งแต่ร้อยละ 30 ขึ้นไปเป็นอันดับแรกก่อน คณะกรรมการก็พิจารณาตามเกณฑ์ครับ หลังจากตรวจสอบข้อมูลแล้ว ปรากฏว่า โรงเรียนที่มีนักเรียนเกิน 1,000 คน ขึ้นไปใน สพป.ชบ.3 มีทั้งสิ้น 4 โรงเรียนครับ และทั้ง 4 โรงเรียน ไม่มีโรงเรียนใดขาดเกณฑ์เกิน ร้อยละ 30 คณะกรรมการจึงมีมติให้จัดสรรโดยพิจารณาจากโรงเรียนที่ขาดเกณฑ์สูง โดยจัดสรรให้กับ 8 โรงเรียน โรงเรียนละ 1 คน ผมคาดว่า หลังจากวันที่ 14 ธันวาคม 2553 สพป.ชบ.3 คงแจ้งให้ทราบพร้อมข้อมูลอัตรากำลังของทุกโรงเรียน

            เพื่อนผู้บริหารครับ  เพื่อเป็นการทบทวนความจำ หลังจากวันที่ 1 ตุลาคม 2553 เป็นต้นมา สพป.ชบ.3 ได้จัดสรรอัตรากำลังให้กับโรงเรียนในสังกัด 2 ครั้งแล้วนะครับ

            ครั้งที่ 1 จัดสรรครูอัตราจ้างจาก สพฐ. 24 อัตรา ขณะนี้หลายๆโรงเรียนที่ได้รับจัดสรรกำลังเปิดรับโดยจ้างได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 เป็นต้นไป

            ครั้งที่ 2 จัดสรรอัตราข้าราชการครู 8 อัตรา ครั้งนี้  ส่วนจะได้เมื่อไหร่นั้น ก็ติดตามดูนะครับ

            มีเพื่อผู้บริหารหลายคนสอบถามผมว่า ครูที่ได้รับจัดสรรแล้ว สพป.ชบ.3 ใช้บัญชีจากเขตอื่นนั้น พวกเราสงสัยกันว่า เมื่อไหร่จะได้ซะที วันนี้ (13 ธันวาคม 2553) ผมได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบแล้ว ได้รับการชี้แจงว่า อีกไม่นาน เพราะตอนนี้ เขตกำลังทำหนังสือเรียกตัว คาดว่า(ข้อคิดเห็นของผมนะครับ) เดือนธันวาคมนี้น่าจะเรียบร้อย รู้สึกมีทั้งสิ้น 19 อัตรา โรงเรียนผมระบุเอกสังคมศึกษาก็อยู่ในชุดนี้แหละครับ

            เพื่อนผู้บริหารครับ โอกาสต่อไปผมจะส่งจดหมายเปิดผนึกของผมให้ท่าน ทางบล็อกของผมนะครับ เห็นท่าน ผอ.เขตทำ รู้สึกน่าสนใจ และรู้สึกเป็นส่วนตัว ไม่ต้องใช้ช่องทางราชการติดต่อกับพวกเรา ช่องทางติดต่อก็ใช้ช่องทางนี้นะครับ http://watcharin-sp.blogspot.com/    ลองเข้าไปดูได้ครับ นึกอะไรได้ก็บันทึกไป เข้าไปแสดงความคิดเห็น ให้ข้อเสนอแนะได้ครับ ได้ครับ พบกันใหม่ฉบับหน้าที่บล็อก http://watcharin-sp.blogspot.com/


                                                                                

วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

งานชลบุรีแฟร์


          ได้มีโอกาสไปเที่ยวชมงานชลบุรีแฟร์ครั้งที่ 2 จัดที่หน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี เคยไปเที่ยวชมกันบ้างหรือยังครับ น่าสนใจมากทีเดียว เมื่อปีที่แล้วผมก็ได้ไปเที่ยวชม ติดใจปีนี้เลยไปอีก ไม่ผิดหวังครับ เพราะงานนี้ เค้าเอาสินค้า O-TOP มาจากทั่วภูมิภาค ทั้งของกินของใช้ หลากหลายละลานตาไปหมด ผมคิดว่างานแบบนี้จัดที่ชลบุรีนับว่าถูกนะ เพราะเอกลัษณ์อย่างหนึ่งของคนชลบุรี คือ ขี้กิน ขี้เที่ยว และเป้นนักช็อบตัวยง ท่านเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ผมว่านะ ชลบุรี มีร้านอาหารที่อร่อยๆมาก คนชลบุรีไปเที่ยวที่ไหนนี่ รถไม่พอใส่ของ เพราะซื้อกันมาก จัดได้ว่าเป็นจังหวัดที่มีกำลังซื้อมาก

          ผมได้ชิมอาหารจากหลายร้าน อร่อยขั้นเทพเลยครับ เช่น ลาบเป็ดอุดร ขนมจีนบ้านบึง ไก่ย่างเขาสวนกวาง ส้มตำรสชาดแซ่บๆ อาหารทะเลก็ไม่น้อยหน้าครับ ปูม้าตัวโตๆนึ่งกับน้ำจิ้มรสซีฟู้ด ต้มยำทำแกงครบถ้วน เรียกได้ว่า เป็นงานเดียวที่เราหาของกินได้ครบทุกภาค ของหวานจากแปดริ้ว และอีกสารพัด  ส่วนของใช้ก็มีหลากหลายครับ เช่นเสื้อผ้าสวยๆ ฝีมือคนไทย  ผ้าฝ้ายผ้าไหมจากจังหวัดต่างๆ พลอย เครื่องประดับ เรียกว่าเดินชมและช็อบกันเพลิน มารู้สึกตัวอีทีก็ปวดขาแล้ว


          งานนี้เค้ามีตั้งแต่วันที่ 10-14 ธันวาคม 2553 นี้ ใครที่ผ่านไปผ่ามาก็ลองแวะดูนะครับ ดีแทบทุกอย่าง เสียอย่างเดียวครับ หาที่จอดรถยากไปหน่อย เราเป็นแฟนประจำของงานนี้ จัดทุกครั้งก็อยากไปทุกครั้ง แต่พอเข้าใกล้บริเวณงานกลับหาที่จอดรถไม่ได้ เจ้าหน้าที่กันที่จอดรถไว้สำหรับ VIP ผมว่า ที่จอดรถ VIP มีทั้ง 2 ด้านข้างบริเวณงานเลย คนที่ไปเที่ยวงานเลยจอดรถไม่สะดวก น่าจะให้ VIP เข้าไปจอดรถในส่วราชการที่อยู่ใกล้ๆ คนที่มาเที่ยวงานเค้าซื้อของจะได้จอดรถใกล้ที่ขาย ขนของง่าย ก็ฝากให้ผู้จัดนำไปพิจารณานะครับ ส่วนอื่นดีอยู่แล้วครับ














วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

แนะนำโรงเรียน

        
           ลองมารู้จักกับโรงเรียนบ้านทุ่งกราดกันหน่อยนะครับ ก็เพียงเพื่ออยากบอกให้รู้ว่า เราชาวทุ่งกราด มีความคิดความอ่านอย่างไรในการทำงาน เพื่อให้โรงเรียนและลูกศิษย์ของเรามีอนาคตที่ดี

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เข้าค่ายลูกเสือเริ่มแล้ว

          เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ กลุ่มโรงเรียนบางละมุง ๑ โดยคณะกรรมการกลุ่มโรงเรียน ได้ประชุมวางแผนการจัดโครงการชุมนุมลูกเสือ ฉลอง ๑๐๐ ปีลูกเสือไทย ที่โรงเรียนบ้านนาวังที่ประชุมวันนี้ ได้มีมติเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้
          ๑. กำหนดชื่องานชุมนุมลูกเสือ-เนตรนารีในครั้งนี้ว่า "ชุมนุนลูกเสือ ฉลอง ๑๐๐ ปีลูกเสือไทย กลุ่มโรงเรียนบางละมุง ๑
          ๒. กำหนดงนาชุมนุมลูกเสือ ในระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ สถานที่ชุมนุม โรงเรียนบ้านนาวัง
          ๓. โรงเรียนและจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมชุมนุม โรงเรียนเข้าร่วมชุมนุม จำนวนทั้งสิ้น ๑๑ โรงเรียน จำนวนลูกเสือ-เนตรนารี ประมาณ ๗๐๐ คน เศษ ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ประมาณ ๘๐ คน
          ๔. นัดหมายประชุมวิทยากรทุกคนในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๓
          ๕. สัดส่วนในการจัดส่งผู้กำกับ ลูกเสือเนตรนารี ๘ คน/ผู้กำกับ ๑ คน
          วันนี้ ถือเป็นยกแรกแห่งการจัดโครงการชุมนุมลูกเสือเนตรนารีบรรยากาศในการประชุมวันนี้ ถือว่าเป็นไปด้วยดี ทั้งนี้เป็นเพราะครูที่มาประชุม มีความรู้ความสามารถและเชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าว ก็เลย เก็บภาพบรรยากาศมาฝากกันครับ








หรือที่เขากล่าวหาเป็นความจริง

  
                ทุกครั้งที่ได้ยินการวิพากษ์ ว่าคุณภาพของเด็กนักเรียนที่ต่ำ เป็นผลมาจากคุณภาพของครูที่ต่ำลง บอกตรงๆ ในฐานะที่เป็นครูคนหนึ่ง ที่รับราชการครู มาไม่น้อยกว่า 26 ปี มีความรู้สึกอาย แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นความรู้สึกไม่พอใจ พอได้ยินบ่อยเข้า ก็รู้สึกโกรธ แต่พอนานเข้า อายุมากขึ้นเห็นอะไรมากเข้า ก็ชักรู้สึกว่า หรือที่เขากล่าวหา เป็นความจริง
                เลยลองมานั่งครวญคิดพินิจดู ว่า ครู ภารกิจที่สำคัญของอาชีพนี้ คือการอบรมสั่งสอนศิษย์ ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีความรู้ คุณธรรม ตามหลักสูตรกำหนด ครูคือขุนพลในการรบทัพจับศึกกับความโง่ ความไม่รู้ของศิษย์ ชัยชนะของครูคือคุณภาพที่จะเกิดขึ้นกับศิษย์
                ถ้าเราจ้างช่างสร้างบ้าน เราก็คาดหวังว่า ช่างที่เราจ้าง จะสร้างบ้านให้เราสำเร็จเป็นไปตามแบบแปลนที่กำหนดแข็งแรงและสวยงามและเสร็จทันเวลา  ถ้าเราจะไปตัดเสื้อผ้าเราก็คาดหวังว่าช่างตัดเย็บเสื้อผ้าที่เราจ้าง จะตัดเย็บเสื้อผ้าให้เราตามที่ตกลงและสวยงามและเสร็จทันเวลา เช่นกัน ประชาชนจ้างให้ครูอบรมสั่งสอนลูกหลานของเขา ความคาดหวังของประชาชนต้องต้องคาดหวังเช่นเดียวกัน ส่วนจะคาดหวังอย่างไรนั้น ผมว่า เราในทั้งฐานะครูและฐานะที่เป็นพ่อเป็นแม่ของลูก ย่อมรู้ดี ท่านจะรู้สึกอย่างไรในฐานะที่เป็นพ่อเป็นแม่ ที่เห็นลูกเรียนถึงชั้น ป.4  แล้วลูกของท่านยังอ่านหนังสือไม่ออก ยังคิดเลขไม่ได้ ท่านจะบอกคนที่สอนลูกของท่านว่าอย่างไร  ในขณะเดียวกัน ท่านจะรู้สึกอย่างไร ที่นักเรียนที่ท่านสอนยังอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้  ท่านสำเร็จหรือล้มเหลวในอาชีพของท่าน บังเอิญครับ สังคมไทยของเรามองครูเป็นพ่อแม่คนที่ 2 ของศิษย์ เป็นปูชนียบุคคลของสังคม อดคิดไม่ได้ครับ ถ้ามุมมองของสังคมกับครูเปลี่ยนไปเป็นนายจ้างกับลูกจ้าง ผมว่าเราอาจจะเห็นคนตกงานอีกเยอะแน่
                ผมจึงค่อยสงบลงกับคำวิพากษ์ข้างต้น กลับเป็นความกังวลขึ้นมาในใจว่า “หรือที่เขากล่าวหา เป็นความจริง”
                     

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ทุ่งกราดร่วมใจถวายพระพรชัยในหลวง

         
          เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ โรงเรียนบ้านทุ่งกราด ชุมชนบ้านทุ่งกราด ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อถวายพระพรแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวามหาราช ซึ่งโรงเรียนและชุมชนบ้านทุ่งกราด ได้ร่วมกันจัดกันเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและเป้นการแสดงความจงรักภักดี ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
          ปีนี้ เริ่มด้วยการทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ซึ่งโรงเรียนได้รับความร่วมมือออย่างดี จากคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง คณะครู และนักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งกราด ทุกคนเตรียมอาหารมาตั้งแต่เช้า เพราะทุกคนตั้งใจจะถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย หลังจากนั้นก็จะเป็นกิจกรรมถวายพระพรชัยต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประธานคณะกรรมการสถานศึกษานายอนันต์ ใจประสงค์ เป็นผู้กล่าวถวายพระพร เสร็จจากกิจกรรมถวายพระพรแล้วพวกเราชาวทุ่งกราดก็ร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์โดยการร่วมกันทำความสะอาดในชุมชน วัด และโรงเรียน
          ทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นในวันนี้ เกิดจากสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีให้ต่อคนไทยทุกคน เราทุกคนรักพระเจ้าอยู่หัว ผู้เปรียบเสมือพ่อที่รักและห่วงใยประชาราษฎร์ มาอย่างสม่ำเสมอ เราอยากเห็นพระองค์ท่านมีความสุข และเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยชั่วกัลปาวสาน



วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553


          วันนี้ขอแบบสบายๆ บรรยากาศแบบครอบครัวหน่อย ผมขับรถไปทำงานผ่านอำเภอศรีราชาทุกวัน จนรู้สึกว่าอำเภอศรีราชา คืออำเภอหนึ่งที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี  เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา แม่บ้านให้ขับรถไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ศรีราชา เราก็ไปกันตามปกติ หลังจากซื้อของเสร็จ ก็เห็นว่ามีเวลา ก็ชวนกันแวะที่เกาะลอย พูดถึงเกาะลอย เราก็รู้สึกเฉยๆ เพราะเห็นมานานแล้ว ความรู้สึกก็คงงั้นๆแหละ ก็พาลูกไปเห็นว่าไม่เสียเส้นทาง  แต่พอเข้าไปจริงๆ เกาะลอยวันนี้ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว หาที่จอดรถยากพอสมควร (บังเอิญไปวันหยุด) บรรยากาศคึกคัก นึกชื่นชมผู้บริหารว่า จัดการได้ดีพอควรเลย อดไม่ได้ก็เลยเก็บรูปมาฝาก

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ศึกษาดูงานที่โรงเรียนชุมชนบ้านบางเสร่

          เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 คณะครูโรงเรียนบ้านทุ่งกราดและคณะครูและผู้บริหารกลุ่มโรงเรียนบางละมุง 1 อีก 5 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านนาวัง โรงเรียนบ้านโรงหีบ โรงเรียนวักสุกรีย์บุญญาราม โรงเรียนบ้านโรงหีบ โรงเรียนวัดหนองเกตุใหญ่ โรงเรียนวัดหนองเกตุน้อย ประมาณ 50 คน มีโอกาสศึกษาดูงาน เรื่องการนำหลักสุตรสถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลาง พุทธศักราช 2551 สู่ห้องเรียน ที่โรงเรียนชุมชนบ้านบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
          ที่มาของการไปศึกษาดูงานในครั้งนี้ เนื่องจากกลุ่มโรงเรียนบางละมุง 1 โดยคณะกรรมการกลุ่มได้ให้ความสำคัญในการพัฒนางานวิชาการ และทั้ง 11 โรงเรียนในกลุ่มถือเป็นเครือข่ายพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษาตามหลักสูตรแกนกลาง พุทธศักราช 2551 โดยทุกโรงเรียนได้ให้ความสำคัญในเรื่องการนำหลักสูตรสถานศึกษาสู่การปฏิบัติ กลุ่มโรงเรียนบางละมุง 1 ได้ดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2552 และได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง วันนี้พวกเราทุกคน ตั้งโจทย์ไปเพียงข้อเดียว คือ...เราจะนำหลักสูตรสู่เรียนเรียนรู้ให้กับนักเรียนได้อย่างไร
          เมื่อคณะของเราเดินทางมาถึงโรงเรียนชุมชนบ้านบางเสร่ ตามเวลานัดหมาย คือ 13.00 น. ต้องขอบอกว่า สิ่งหนึ่งที่เราชาวกลุ่มโรงเรียนบางละมุง 1 มีความภูมิใจคือ การตรงต่อเวลา ซึ่งพวกเรา(คณะผุ้บริหารและคณะครู) ได้พยายามร่วมกันสร้างจนเป็นวัฒนธรรมการทำงานของชาวกลุ่มโรงเรียนบางละมุง 1  พวกเราก็ได้สัมผัสกับกลิ่นไอของความอบอุ่นและความจริงใจ จากผู้บริหาร ท่าน ผอ.วุฒิชัย วีรวัฒน์ และคณะครูทุกท่าน บรรยากาศที่เรียบง่าย แต่ดูดี มีลักษณะเฉพาะของสถานศึกษาแห่งนี้ เอกสารที่นำมาแสดงให้พวกเราดู ไม่ได้มากมายก่ายกอง แต่เอกสารทุกเล่มที่นำมาให้คณะศึกษาดูงานได้ศึกษา ตรงเป้า ตรงประเด็นและตอบโจทย์ ที่พวกเราจะไปศึกษา
          เราทราบจากท่าน ผอ.วุฒิชัย วีรวัฒน์ว่า ทางโรงเรียนชุมชนบ้านบางเสร่ ได้พัฒนาบุคลากรมาเป็นครูแกนนำของแต่ละกลุ่มสาระ เราได้เห็นความเชื่อมโยงระหว่าง หลักสูตรสถานศึกษา คู่มือหลักสุตร สถานศึกษา มาสู่การออกแบบหน่วยการจัดการเรียนรู้และนำไปสู่การจัดแผนการจัดการเรียนรู้ มีความสอดรับ กัน วันนี้คณะของเราโชคดี ที่ได้รับของแถม เนื่องจากโรงเรียนชุมชนบ้านบางเสร่ ได้รับคัดเลือกให้เป็นโรงเรียนต้นแบบหรือแกนนำอะไรสักอย่างนี่แหละครับ เรื่องการจัดการเรียนรู้สู่อาเชี่ยน เห็นเห็นการนำเรื่องของอาเชี่ยนเข้าสู่หลักสูตรแล้วยอมรับว่า น่าสนใจมากครับ
         ประมาณ 3 ชั่วโมง ที่คณะของเราได้ศึกษา สอบถาม ดูงาน ของโรงเรียนชุมชนบ้านบางเสร่ เห็นได้ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ มันมาจากผู้บริหาร คณะครูของที่นี่ มีความรู้ความเข้าใจในเบื้องต้น มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และที่สำคัญ คือมีความมุ่งมั่นที่จะสานฝันให้เกิดเป็นจริง
          เพื่อนครูที่รักครับ  ... เรามาดูที่นี่ ไม่ใช่เราจะกลับไปทำให้เหมือนที่ชุมชนบ้านบางเสร่ แต่เราต้องเอาแนวคิดและวิธีการของชุมชนบ้านบางเสร่ ไปปรับให้เป็นแบบของโรงเรียนเรา ต้องขอบคุณคณะครู ผู้บริหารโรงเรียนชุมชนบ้านบางเสร่ทุกท่านที่ให้โอกาสเรา วันข้างหน้า ถ้าโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนบางละมุง 1 ที่ไปศึกษาดูงานจากท่านในวันนี้ ประสบความสำเร็จ กล่าวได้เลยครับว่า ส่วนหนึ่งเป้็นเพราะเราได้แรงบันดาลใจจากท่าน ขอคารวะด้วยใจจริงครับ